ความเครียด: องค์ประกอบที่สัมผัสทุกวันแห่งชีวิต








ความเครียด: องค์ประกอบที่สัมผัสทุกวันแห่งชีวิต

บทความ โดย สุทิน เจียมประโคน

            ความเครียดเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในชีวิตประจำวัน มันเป็นสิ่งที่เราพบเห็นและสัมผัสทุกวัน ในบางครั้งมันอาจก่อให้เกิดความกังวลและปัญหาสุขภาพที่น่าเป็นห่วง จึงทำให้เราต้องการให้ความสำคัญแก่การทำงานกับความเครียดเพื่อให้สามารถจัดการกับมันได้อย่างเหมาะสมและมีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ



การวิเคราะห์ความเครียด

    ความเครียดเป็นผลมาจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของจิตใจและร่างกาย โดยองค์ประกอบหลักของความเครียดสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ความเครียดที่ดีหรือ Eustress และความเครียดที่ไม่ดีหรือ Distress

    Eustress เป็นประเภทของความเครียดที่เกิดจากสถานการณ์ที่มีความท้าทายและท้าทายที่เหมาะสมกับความสามารถและทักษะของเรา ตัวอย่างเช่น การทำงานที่มีเป้าหมายที่ชัดเจน การแข่งขันที่สร้างแรงจูงใจ หรือการทำกิจกรรมที่ต้องการความมุ่งมั่นและความสามารถพิเศษ ความเครียดชนิดนี้ช่วยกระตุ้นและเสริมสร้างศักยภาพในการทำงานของเรา
อีกประเภทหนึ่งคือ Distress ที่เป็นความเครียดที่ไม่ดี เกิดจากสถานการณ์ที่เราไม่สามารถจัดการหรือปรับตัวได้อย่างเหมาะสม การเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น การเผชิญกับปัญหาทางครอบครัว การเงินที่ไม่เพียงพอ หรือการทำงานที่มีการกดดันมากเกินไป เป็นต้น ความเครียดชนิดนี้สามารถมีผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจ อาจเกิดอาการต่าง ๆ เช่น นอนไม่หลับ ความเจ็บปวด ความรู้สึกหดหู่ และอาจส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้

สาเหตุของความเครียด

    ความเครียดสามารถเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล นี่คือสาเหตุที่พบได้บ่อยของความเครียด:
            1.    การกดดันในการทำงาน: การทำงานที่มีแรงกดดันสูงหรือมีภาระงานที่มากสามารถเป็นสาเหตุให้เกิดความเครียดได้ เช่น กำหนดเวลาทำงานที่สั้น, งานที่ซับซ้อน, การตัดสินใจที่ยากลำบาก เป็นต้น
            2. ปัญหาส่วนตัวและครอบครัว: ปัญหาทางครอบครัว เช่น การเผชิญกับความขัดแย้ง, การเจ็บป่วยหรือสูญเสียคนที่รัก สามารถทำให้เกิดความเครียดได้
            3. สถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย: สถานการณ์ที่เป็นภาระหนักและท้าทายอาจเป็นสาเหตุของความเครียด เช่น การย้ายที่อยู่, การเปลี่ยนงาน, การเรียนการสอนที่ต้องเผชิญกับความเครียดของการสอบ, หรือการเริ่มชีวิตใหม่ในสถานการณ์ใหม่
            4. ปัจจัยทางสุขภาพ: สภาวะทางร่างกายที่ไม่ดีหรือปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง เช่น การป่วยเป็นโรคร้ายแรง, อาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับสภาวะเครียด เป็นต้น
            5. ปัจจัยสภาวะเศรษฐกิจ: สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เสถียรหรือมีปัญหาทางเศรษฐกิจอาจทำให้เกิดความเครียด เช่น การสูญเสียงาน, การเงินที่ไม่เพียงพอ เป็นต้น
            6. ปัจจัยสังคมและวัฒนธรรม: สังคมและวัฒนธรรมที่มีความตึงเครียดสูง หรือมีความเข้มงวดสามารถสร้างความเครียดในบุคคลได้ เช่น การแข่งขันระดับสังคม, การสัมผัสกับสื่อมวลชนที่รุนแรง เป็นต้น
            7. ความกังวลและความเครียดส่วนบุคคล: บุคคลที่มีลักษณะบุคลิกภาพที่เครียดและมีความกังวลสูง สามารถเกิดความเครียดได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ


การจัดการกับความเครียด

    การจัดการกับความเครียดเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรศึกษาและปฏิบัติตั้งแต่เรายังเด็กอ่อน ด้วยเหตุนี้ ต่อไปนี้เป็นวิธีการที่สามารถช่วยให้เราจัดการกับความเครียดได้มากขึ้น
            1. การจัดการเวลา: การวางแผนและจัดการเวลาอย่างเหมาะสมช่วยลดความเครียดได้มาก เนื่องจากความรู้สึกที่ไม่มั่นคงเกิดจากความไม่แน่นอนและการยืดเวลา ระบุเป้าหมายและลงลึกกับกิจกรรมที่สำคัญเพื่อช่วยให้คุณสามารถจัดการกับเวลาและลดความเครียดในการดำเนินชีวิตประจำวัน
            2. การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดีในการลดความเครียด การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการส่งเสริมฮอร์โมนเฉพาะที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจของเรารู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวมากขึ้น นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยกระจายความรู้สึกเครียดและปรับสมดุลของระบบประสาทให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
            3. การพักผ่อนและการนอนหลับ: การให้ความสำคัญกับการพักผ่อนและการนอนหลับที่เพียงพอช่วยลดความเครียดได้มาก ความผ่อนคลายและการนอนหลับที่เพียงพอช่วยปรับสมดุลของระบบประสาทและฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ร่างกายและจิตใจมีพลังงานพอที่จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายได้ดีขึ้น
            4. การพัฒนาทักษะในการจัดการความเครียด: การเรียนรู้ทักษะในการจัดการความเครียดเป็นสิ่งสำคัญ เช่น เทคนิคการหายใจลึก การแยกสิ่งสำคัญและไม่สำคัญ การสร้างสภาวะสมาธิ หรือการใช้เทคนิคการรับรู้ในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นแรงกดดัน
            5. การใช้เทคนิคการจัดการเวลา: เทคนิคต่าง ๆ ในการจัดการเวลาสามารถช่วยให้เราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเครียดได้ เช่น การใช้เทคนิค Pomodoro Technique ซึ่งเป็นการแบ่งเวลาทำงานเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ และให้การพักผ่อนเพื่อสร้างความสดชื่นและความตั้งใจในการทำงาน
            6. การตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้: การตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมและเป็นไปได้ช่วยลดความเครียด โดยการแบ่งเป้าหมายใหญ่ๆ เป็นเป้าหมายย่อย ๆ ที่สามารถบรรลุได้ และกำหนดแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน เมื่อเรามีการควบคุมและความมั่นใจในการบรรลุเป้าหมาย เราจะรู้สึกมั่นใจและลดความเครียด
            7. การใช้เทคนิคการรับมือกับปัญหา: เมื่อเราพบเจอปัญหาหรือสถานการณ์ที่ท้าทาย เราสามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เรารับมือและลดความเครียด เช่น การแยกสิ่งที่เราสามารถควบคุมและไม่สามารถควบคุมได้ การใช้เทคนิคปัญหาแบบ SWOT (Strengths, Weaknesses, Opportunities, Threats) เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และหาวิธีการแก้ไข
            8. การพูดคุยและการสนับสนุนจากผู้อื่น: การแบ่งปันความรู้สึกและประสบการณ์กับผู้อื่นที่เชื่อถือได้ช่วยลดความเครียดและรับการสนับสนุนจากคนรอบข้าง เช่น การสนทนากับเพื่อนสนิทหรือการค้นหาคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
สุดท้าย ความเข้าใจและการยอมรับว่าความเครียดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และเราต้องมีการจัดการและดูแลเราเองอย่างเหมาะสม ความเข้าใจและการยอมรับสามารถช่วยให้เรามีการรับมือกับความเครียดในทุก ๆ ช่วงของชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสุขภาพที่ดีให้กับเราเอง


อ้างอิง:
, S., Kessler, R. C., & Gordon, L. U. (1995). Measuring stress: A guide for health and social scientists. Oxford University Press.

Lazarus, R. S., & Folkman, S. (1984). Stress, appraisal, and coping. Springer Publishing Company.
Selye, H. (1976). The stress of life. McG

Cohen, S., Kessler, R. C., & Gordon, L. U. (1995). Measuring stress: A guide for health and social scientists. Oxford University Press.
Lazarus, R. S., & Folkman, S. (1984). Stress, appraisal, and coping. Springer Publishing Company.
Selye, H. (1976). The stress of life. McG

Lazarus, R. S., & Folkman, S. (1984). Stress, Appraisal, and Coping. Springer Publishing Company.

Selye, H. (1976). The Stress of Life. McGraw-Hill Education.

McEwen, B. S. (1998). Protective and damaging effects of stress mediators: Central role of the brain. Dialogues in Clinical Neuroscience, 8(4), 367-381.

American Psychological Association. (2019). Stress in America™: Stress and current events. Retrieved from https://www.apa.org/news/press/releases/stress/2019/stress-america-2019.pdf

National Institute of Mental Health. (2021). 5 things you should know about stress. Retrieved from https://www.nimh.nih.gov/health/publications/stress/index.shtml

Mayo Clinic. (2021). Stress management. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/stress-management/basics/stress-basics/hlv-20049495

HarvardHealthPublishing.(2021).Understanding thes tressresponse. Retrieved from https://www.health.harvard.edu/staying-healthy/understanding-the-stress-response
Mayo Clinic. (2021). Stress management. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/stress-management/basics/stress-basics/hlv-20049495

American Psychological Association. (2019). Stress in America™: Stress and current events. Retrieved from https://www.apa.org/news/press/releases/stress/2019/stress-america-2019.pdf

National Institute of Mental Health. (2021). 5 things you should know about stress. Retrieved from https://www.nimh.nih.gov/health/publications/stress/index.shtml

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ภาวะซึมเศร้า: อาการ สาเหตุ และการรักษา

บุคลิกภาพ (personal branding)